เมื่อกลางดึกของวันที่ 26 มิถุนายน 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา ออกข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพิ่มมาตรการควบคุมสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ หลังจากมีการระบาดหนักของโรค COVID-19 ทั้งการห้ามนั่งทานอาหารในร้าน ให้ห้างร้านต้องปิดภายใน 21.00 น. ห้ามโรงแรมจัดประชุมสัมมนา โดยเริ่มต้นตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป ทำเอาผู้ประกอบการหลายคนถึงกับตั้งตัวไม่ทัน หลายคนที่ตระเตรียมซื้อของมารอเปิดร้านแล้วก็ต้องเสียเงินเสียทอง
หนึ่งในข้อกำหนดที่ประกาศออกมา คือการให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ มีคำสั่งปิดสถานที่พักอาศัยชั่วคราวสำหรับคนงานทั้งภายในและภายนอกสถานที่ก่อสร้างอาคาร รวมทั้งมีคำสั่งให้หยุดงานก่อสร้าง และห้ามการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานเป็นการชั่วคราว อย่างน้อย 30 วัน
ซึ่งในวันนี้ (28 มิถุนายน 2564) ก็เป็นวันเริ่มต้นบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าว แคมป์คนงานและสถานที่ก่อสร้างต่างๆ ทั่วกรุงเทพต้องหยุดดำเนินการ ทว่ากลับมีผู้พบเห็นและถ่ายภาพมาว่าปรากฏว่ายังมีสถานที่บางแห่งที่ยังให้คนงานดำเนินการก่อสร้างตามปรกติ เสมือนว่าไม่ได้รับรู้ถึงข้อกำหนดที่ ศบค. ออกมาแล้วกระทบคนอื่นไปทั่ว ซึ่งเมื่อเห็นหน้าตาของรั้วแล้วก็รู้ในทันทีว่าสถานที่ก่อสร้างนั้นอยู่ใน “เขตพระราชฐาน” นั่นเอง
เพราะอะไรการก่อสร้างปราสาทราชวังต่างๆ จึงได้รับการยกเว้นเหนือการก่อสร้างอื่นๆ ทั่วกรุงเทพฯ คนงานเหล่านี้เขาไม่ใช่มนุษย์ที่ก็อาจติดโรค COVID-19 ได้เหมือนคนงานอื่นๆ หรืออย่างไร? ถ้าในเมื่ออ้างว่าที่ปิดแคมป์คนงานและหยุดการก่อสร้างที่อื่นๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค แล้วทำไมจึงยังให้คนงานสร้างวังเหล่านี้ต้องมาอยู่ในสภาพที่เสี่ยงจะติดโรคด้วย ? หรือหากจะอ้างว่าคนงานและสถานที่ก่อสร้างในรั้ววังไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงที่มีการระบาดของโรค แล้วทำไมกับแคมป์คนงานและสถานที่ก่อสร้างอื่นๆ ภายนอกที่ก็ไม่ได้เป็นที่เสี่ยงไปทุกจุดจึงต้องปิดอย่างเหมารวม ทำให้งานก่อสร้างต้องล่าช้าและอาจเกิดความเสียหายต่อสถานที่ก่อสร้างด้วย
ถ้าจะเหมารวมก็เหมารวมให้หมดจริงๆ ถ้าจะแยกแยะก็ช่วยทำกับประชาชนทั่วไปด้วย ไม่ใช่สองมาตรฐานเฉพาะกับเรื่องที่เกี่ยวกับกษัตริย์แบบนี้ ทั้งนี้ งบประมาณของการก่อสร้างวังต่างๆ ที่ผ่านมา ปรากฏในเอกสารงบประมาณอยู่ในโครงการ “สนับสนุนกิจกรรมพิเศษหลวง” ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย โดยในปีงบประมาณ 2564 ที่ผ่านมา ตั้งงบประมาณไว้ถึง 1,700 ล้านบาท และในปีงบประมาณ 2565 ที่กำลังพิจารณากันอยู่ในสภาขณะนี้ ตั้งงบประมาณไว้ที่ 1,500 ล้านบาท
ดูเพิ่มเติม
