วันสำคัญ และมหกรรมในระดับชาติ: 6 มรดกที่ถูกทำให้ “หายไป” ของคณะราษฎร

หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรได้ทำการปฏิรูปในทางการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ในหลายรูปแบบ เพื่อให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทันสมัยขึ้น ลบล้างมรดกสมบูรณาญาสิทธิราชย์เดิมที่กษัตริย์เป็นสถาบันสูงสุด เพื่อยืนยันในหลักการที่ว่า “ทุกคนมีสิทธิเสมอหน้ากัน” ตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด

แต่อย่างไรก็ตาม หลังคณะราษฎรหมดอำนาจและการโต้กลับของกลุ่มนิยมกษัตริย์ การขึ้นมาของรัฐบาล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในปี 2500 เป็นต้น เรื่อยมาจนถึงช่วงเวลาร่วมสมัยในปัจจุบัน ได้มีความพยายามในการถอดรื้อมรดกของคณะราษฎรอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่คณะราษฎรสร้างขึ้นมาหลายสิ่งล้วนถูกทำให้หายไป เพื่อลบล้างประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับคณะราษฎรลดทอนคุณค่าประชาธิปไตยพร้อมสถาปนาอำนาจนำใหม่ที่มีศูนย์รวมอยู่ที่สถาบันกษัตริย์เฉกเช่นที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน

DRG จะอยากชวนไปสำรวจ 6 มรดกของคณะราษฎร ที่ถูกทำให้ “หายไป”

มรดกคณะราษฎรลำดับที่สองที่ถูกทำให้หายไปคือ ประเพณี วัฒนธรรม มหกรรม ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยคณะราษฎรเพื่อให้สอดคล้องกับระบอบการปกครองประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ให้ประชาชนรูสึกเป็นส่วนหนึ่งกับระบอบดังกล่าว แต่สิ่งเหล่านี้ถูกยกเลิกไปในสมัยรัฐบาลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ตั้งแต่ช่วงปี 2500 และแทบไม่ถูกให้ความสำคัญกระทั่งในปัจจุบัน

ในยุคเริ่มแรกหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น คณะราษฎรได้กำหนดให้ “วันชาติ” คือวันที่ 24 มิถุนายน เพื่อระลึกถึงการอภิวัฒน์สยาม เปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบประชาธิปไตย กระทั่งมีการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2482 

จนกระทั่งในปี 2503 รัฐบาลรัฐบาลสฤษดิ์ ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงวันชาติ จากเดิมวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน ให้กลายเป็นวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งเป็นวัน “วันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 9” ทั้งยังยกเลิกให้วันที่ 24 มิถุนาเป็นวันหยุดราชการ และเปลี่ยนเป็นวันที่ 5 ธันวาแทน 

“งานฉลองรัฐธรรมนูญ” ถือเป็นงานเฉลิมฉลองในระดับชาติ มีกิจกรรมรื่นเริง การแสดงมหรสพ การออกร้านต่าง ๆ เป็นมหกรรมที่สนุกสนาน ซึ่งทำให้ประชาชนให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยทั่วไปมีระยะเวลาการจัดงานกว่าหนึ่งสัปดาห์ในช่วงวันที่ 8-14 ธันวาคม ทั้งยังมีการกระจายไปในหลายพื้นที่ มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย และเห็นความสำคัญของรัฐธรรมนูญ 

งานฉลองรัฐธรรมนูญถูกลดความสำคัญลงในช่วงปี 2490 เนื่องจากภาวะสงครามโลก และถูกยกเลิกอย่างถาวรในปี 2500 ภายใต้รัฐบาลสฤษดิ์ และจนกระทั่งปัจจุบัน ก็ไม่ได้มีงานเฉลิงฉลองรัฐธรรมนูญที่ยิ่งใหญ่เฉกเช่นในอดีตอีกเลย เหลือเพียงงานพระราชพิธีในวันที่ 10 ธันวาคม ทำให้วันรัฐธรรมนูญกลายเป็นวันหยุดราชการหนึ่งในหน้าปฏิทินเพียงเท่านั้น

ข้อสังเกตที่สำคัญคือ นับจากรัฐบาลสฤษดิ์เป็นต้นมา มหกรรมขนาดใหญ่ในระดับชาติที่รัฐบาลเป็นคนจัด และต้องการให้มีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากนั้นล้วนแล้วแต่มีวาระที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ทั้งสิ้น เช่น วันพ่อ วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชพิธีที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ เป็นต้น 

ในขณะที่วันที่เกี่ยวข้องกับคณะราษฎร การเปลี่ยนแปลงการปกครอง รวมถึงรัฐธรรมนูญนั้น แทบไม่ได้เป็นวาระที่สำคัญของรัฐบาล มีแต่เพียงการระบุไว้ในปฏิทิน แต่กลับไม่ได้มีมหกรรมขนาดใหญ่แต่ประการใด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการรื้อฟื้นความสำคัญของ “พระมหากษัตริย์” และลดความสำคัญของ “คณะราษฎร” ลง และเป็นการถอดรื้อมรดกของคณะราษฎรให้มีความเลือนลางและหายไปจากความทรงจำของสังคม

แม้ว่ามรดกของคณะราษฎรในหลายชิ้นจะหายไป แต่ในส่วนของระบบการปกครองแบบ “ประชาธิปไตย” ที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด มีระบอบรัฐสภาและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนนั้น คือมรดกทางความคิดของคณะราษฎรที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน เป็นความคิดที่มิอาจหยุดยั้ง เป็นปีศาจแห่งกาลและเวลาที่จะคอยหลอกหลอนชนชั้นนำไทยไม่ว่าหน้าไหนที่คิดจะลบล้างหลักการที่ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน” 

มาร่วมกันรำลึกมรดกของคณะราษฎรที่หายไปได้ที่งาน “หาย-หา : 93 ปี อภิวัฒน์สยาม จากย่ำรุ่งสู่ประชาธิปไตย” ในวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ณ ห้อง 101 คณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ 14.00 – 18.30 เป็นต้นไป

อ้างอิง
https://parliamentmuseum.go.th/ar63-feast.html
https://plus.thairath.co.th/topic/politics&society/105006
https://www.matichon.co.th/prachachuen/news_4620199