กรณีเกี่ยวกับอาชญากรรมการฉ้อโกงในช่วงที่ผ่านมา คงไม่มีเรื่องไหนที่ใหญ่ไปกว่ากรณีของ “Forex 3D” ขบวนการแชร์ลูกโซ่ภายใต้ฉากหน้าของนักลงทุนตลาดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ (Forex Exchange Market) หลอกลวงเอาเงินจากผู้ที่หลงเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนถึง 10% ต่อเดือน รวมถึงใช้สายสัมพันธ์กับคนในวงการบันเทิงเพื่อสร้างเครือข่ายของการต้มตุ๋นให้ขยายกว้างออกไปเรื่อยๆ
ตัวละครที่สำคัญของขบวนการนี้คือ อภิรักษ์ โกฎธิ ที่มีชื่อเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนดังกล่าวเมื่อเดือนมีนาคม 2558 และสร้างภาพใช้ชีวิตหรูหราฟูฟ่าเพื่อล่อให้ผู้เคราะห์ร้ายมาติดกับดัก จนกระทั่งปลายปี 2561 ผู้ที่หลงเชื่อเข้ามาลงทุนกับ Forex 3D เริ่มประสบปัญหาได้รับผลตอบแทนล่าช้าและไม่สามารถถอนเงินต้นออกมาได้ เมื่อเริ่มมีผู้ตั้งข้อสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ Forex 3D โต้ตอบกลับมาคือข่มขู่ผู้เรียกร้องเหล่านั้นว่าจะไม่ได้เงินคืน
สุดท้ายจึงเกิดการเปิดโปงครั้งใหญ่ที่นำไปสู่การสอบสวนโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พบว่ามีเหยื่อเข้ามาให้ปากคำเป็นจำนวน 9,824 คน รวมมูลค่าความเสียหาย 2,489 ล้านบาท นอกจากนี้ยังคาดว่ามีผู้เสียหายอีกหลายหมื่นคนที่ไม่กล้าเปิดเผยตัวตน เพราะอับอายที่ถูกหลอก ประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 4 หมื่นล้านบาท ส่วนตัวของอภิรักษ์นั้นปัจจุบันถูกจับกุมตัวไว้ได้แล้ว
ในขณะที่คดีนี้ค่อยๆ มีความคืบหน้ามาเป็นลำดับ มีอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องที่น่าสนใจไม่แพ้กันถูกเปิดเผยออกมา ย้อนกลับไปในวันที่ 21 มิถุนายน 2562 ข่าวในราชสำนักรายงานว่าเจ้าหญิงสิรินธร กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เปิดให้คณะบุคคลเข้าพบ โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของอภิรักษ์ โกฎธิ และคณะ ถวายเงินที่ไม่ได้มีการระบุจำนวนเพื่อใช้สอยตามอัธยาศัย
ข้อสังเกตประการแรกต่อเรื่องนี้ คือวันที่อภิรักษ์ได้ไปมอบเงินให้กับสิรินธร 21 มิถุนายน 2562 นั้น เกิดขึ้นภายหลังจากที่ Forex 3D มีปัญหาการผิดนัดชำระผลตอบแทนและตืนเงินต้นแก่ผู้ลงทุน ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายปี 2561 แล้ว สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความหย่อนยานหรือไม่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบและคัดกรองผู้ที่สมควรได้เข้าพบกับสมาชิกของราชวงศ์ได้
แต่ประเด็นที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือเหตุการณ์ที่เกิดนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการควบคุมมิให้มีการบริจาคเงินและทรัพย์สินแก่สถาบันกษัตริย์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีการเผยแพร่ข่าวในราชสำนักดังกล่าวออกไป Forex 3D ย่อมได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อย ภาพความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับสมาชิกราชวงศ์ เมื่อถูกสื่อสารออกไปก็อาจทำให้ผู้ที่ลงทุนไปแล้วและผู้ที่กำลังตัดสินใจจะลงทุนเกิดความเชื่อมั่น (ที่ไม่ถูกต้อง) ว่า Forex 3D นั้นไว้ใจได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือข่าวในราชสำนักดังกล่าวแสดงถึงการรับรองอภิรักษ์ โกฎธิ และ Forex 3D โดยสถาบันกษัตริย์ไปโดยปริยาย
และในวันนี้ที่คดี Forex 3D กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่รับรู้กันทั้งประเทศ เมื่อย้อนกลับไปดูข่าวในราชสำนักดังกล่าวแล้ว การรับมอบเงินดังกล่าวย่อมเป็นที่เสื่อมเสียต่อสถาบันกษัตริย์อย่างแน่นอน เพราะธรรมชาติของเงินตรานั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกแยะเฉพาะเจาะจงได้ ดังนั้นไม่ว่าอภิรักษ์ โกฎธิ จะได้รับเงินมาจากทางใดบ้างก็ตาม หากหนึ่งในช่องทางนั้นคือการหลอกลวงผู้อื่นผ่าน Forex 3D แล้ว ก็ต้องถือว่าเงินที่สิรินธรรับมาจากอภิรักษ์นั้นมีส่วนมาจากการฉ้อโกงด้วย และการปล่อยให้สถาบันกษัตริย์มามีปฏิสัมพันธ์ในทางส่วนตัว (รับเงินไปใช้สอยตามอัธยาศัย) กับมิจฉาชีพที่ทำผิดกฎหมายอาญาแผ่นดินนั้นถือเป็นความเสียหายร้ายแรงอย่างยิ่งในบ้านเมืองที่ปกครองโดยกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
กรณีนี้เป็นอีกครั้งที่สถาบันกษัตริย์กลายเป็นพื้นที่ให้มีผู้แอบอ้างความจงรักภักดีเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์อันมิชอบให้กับตัวเอง หากยังจำกันได้ก็เคยมีกรณีของ “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” ที่เคยเปิดโครงการ “จิตอาสาทำความดี เพื่อแผ่นดิน” แจกเสื้อเหลืองและหมวกประดับตรารัชกาลที่ 10 พร้อมๆ กับเปิดอกโชว์รอยสัก “ทรงพระเจริญ” ออกรายการโทรทัศน์ ทว่าภายหลังกลับตกเป็นผู้ต้องหาคดีหลอกลวงต๋มตุ๋น เช่น ขายแพ็คเกจท่องเที่ยวที่ไม่มีจริง หรือหลอกเงินชาวบ้านมาลงทุนในรูปแบบสหกรณ์ ซึ่งหลายคนหลงกลเพราะเชื่อใจในภาพลักษณ์ความเป็นคนดี หรืออีกตัวอย่างหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับสิรินธร คือกรณีที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องการทุจริตในกองบินตำรวจ ซึ่งมีการเปิดผยว่า พล.ต.ต.กำพล กุศลสถาพร อดีตผู้บังคับการกองบินตำรวจในยุคที่เกิดการทุจริต ได้ทำหนังสือถึงสิรินธรเพื่อขอให้ตัวเองได้เป็นนักบินถวายการเดินทางต่อไปโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายให้ทำเช่นนั้นได้ และได้รับหนังสือตอบกลับว่าอนุญาตที่ลงนามโดยเลขานุการส่วนตัวของสิรินธร ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น “ตั๋วช้าง” อีกใบหนึ่ง
ปัญหาที่แท้จริงของกรณี Forex 3D คือเพราะอะไรจึงยังมีวัฒนธรรมการเปิดให้เข้าถวายเงินต่อสมาชิกราชวงศ์อยู่ ทั้งๆ ที่รัฐสภาก็มีการจัดสรรงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เช่นในปีงบประมาณล่าสุด 2566 เฉพาะส่วนราชการในพระองค์ ได้รับจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนถึง 8,612 ล้านบาท การเปิดให้คนมามอบเงินแก่สถาบันกษัตริย์เช่นนี้ สุดท้ายผู้ที่เข้ามาฉวยใช้ นอกจากกรณีของมิจฉาชีพอย่างอภิรักษ์ โกฎธิ แล้ว ก็ยังมีกลุ่มทุนต่างๆ ที่เอามาใช้เป็นใบเบิกทางในการแสวงหาผลประโยชน์จากรัฐบนการขูดรีดประชาชนอีกเป็นจำนวนมาก
ต่อกรณีที่เกิดขึ้น DRG ขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. ให้สำนักพระราชวังเปิดยอดบริจาคของบริษัท Forex 3D รวมถึงยอดบริจาคของผู้บริจาคอื่นๆ ต่อสมาชิกราชวงศ์ทั้งหมดที่ผ่านมา ให้สาธารณชนได้รับทราบ
2. สมาชิกราชวงศ์จะต้องคืนทั้งหมดเคยได้รับบริจาคจาก Forex 3D เพื่อมิให้เป็นที่ครหาแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ โดยให้รัฐนำเงินส่วนนี้ไปให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชดเชยเยียวยาให้กับผู้เสียหายจาก Forex 3D
3. สถาบันกษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์ทุกคนจะต้องยุติการรับบริจาคเงิน (ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของภาคประชาชน) เพื่อเพื่อกำกับให้การเงินของสถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้การตรวจสอบทั้งหมด และไม่ให้สถาบันกษัตริย์ถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อฟอกตัวหรือกอบโกยผลประโยชน์ของใครได้อีก
https://workpointtoday.com/explainer-forex-3d/
https://www.royaloffice.th/royalnews/วันศุกร์-ที่-21-มิถุนายน-พ-ศ-25/
https://workpointtoday.com/explainer-ep46/
https://mgronline.com/politics/detail/9650000069829
https://prachatai.com/journal/2022/05/98660