7 มีนาคม 2563 หรือวันนี้ของเมื่อ 2 ปีที่แล้ว คณากร เพียรชนะ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้น ศาลจังหวัดยะลา กระทำอัตวินิบาตกรรมเป็นครั้งที่สอง เสียชีวิตที่บ้านพักใน จ.เชียงใหม่
แรกสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2562 คณากรเคยกระทำการดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่ตนต้องรับผิดชอบในการพิจารณาคดีที่จำเลย 5 คน ถูกอัยการฟ้องว่าใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านเสียชีวิตที่ จ.ยะลา ซึ่งศาลที่มีคณากรเป็นหัวหน้าคณะผู้พิพากษาพิจารณาเห็นควรตัดสินยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่น่าเชื่อถือ เช่น ไม่มีการเก็บวัตถุหลักฐานได้ในคืนที่เกิดเหตุ ปืนที่ยึดได้ไม่ใช่ปืนที่ใช้ก่อเหตุ จำเลยถูกสอบสวนในระหว่างควบคุมตัวโดย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งจำเลยอ้างว่าถูกขู่เข็ญและโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสู้ เป็นต้น ทว่าในเวลาต่อมาคดีนี้กลับถูกเลื่อนอ่านคำพิพากษา โดยคณากรเปิดเผยว่าตนถูกอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 กดดันให้แก้คำพิพากษาเป็นประหารชีวิต 3 คน จำคุก 2 คน แต่ตนซึ่งเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมต้องพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐาน ไม่ใช่กระทำโดยความรู้สึกส่วนตัวหรือตามคำสั่งของใคร จึงยืนยันพิพากษายกฟ้อง และภายหลังอ่านคำพิพากษาก็ได้พยายามกระทำกระทำอัตวินิบาตกรรม แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ
ภายหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น คณากรถูกย้ายออกจากตำแหน่งเดิมไปช่วยราชการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ถูกศาลยุติธรรมตั้งคณะกรรมการสอบสวน อีกทั้งจะถูกดำเนินคดีอาญาในกรณีเกี่ยวกับอาวุธปืน ในขณะที่เรื่องการแทรกแซงคำพิพากษาที่ตนได้เปิดเผยออกมานั้น ทางศาลก็สรุปออกมาว่าไม่มีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น การณ์กลับตาลปัตรว่าผู้ที่ออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลกลับจะมีอันต้องสูญเสียหน้าที่การงาน รวมถึงกลายเป็นจำเลย ส่วนสิ่งที่ตนประท้วงออกมาก็กลายเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คณากรจึงได้กระทำอัตวินิบาตกรรมครั้งที่สองและเสียชีวิตในที่สุด
เวลาแค่ 2 ปีผ่านไป แต่ดูเหมือนว่าผู้พิพากษาในประเทศนี้จะลืมเรื่องราวของคณากรไปหมดแล้ว เพราะทุกวันนี้เราต่างพบกับคำพิพากษาและคำสั่งอันน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นมากมาย การสั่งไม่ให้ประกันตัว เอาคนที่ยังถือว่าบริสุทธิ์ต่อหน้ากฎหมายเป็นสิบๆ คนไปขังทั้งที่เห็นว่าเขาไม่มีพฤติการณ์หลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน การพิพากษาโดยอ้างการตีความอย่างเกินเลย เช่นล่าสุดในกรณีของ “นรินทร์” ติดสติกเกอร์ “กูkult” บนรูปของวชิราลงกรณ์ ศาลก็อ้างว่าเป็นการทำตัวยิ่งใหญ่เหนือกษัตริย์ การใช้อำนาจเหล่านี้ของศาลไม่แปลกเลยที่จะถูกสังคมตังข้อกังขาว่าทุกวันนี้ผู้พิพากษาแต่ละคนยังเป็นตัวของตัวเองอยู่หรือไม่ หรือแท้จริงคำตัดสินต่างๆ มันถูกร่างขึ้นมาแล้วโดยใครที่อยู่เหนือกว่าผู้พิพากษาเหล่านั้น หรือมากไปกว่านั้นคือเหนือศาลทั้งปวงด้วยซ้ำ
สุดท้ายแล้ว คำวิงวอนของคณากรที่ว่า “คืนคำพิพากษาให้ผู้พิพากษา คืนความยุติธรรมให้ประชาชน” ก็เป็นศาลเองนี่แหละที่เหยียบย่ำมันจนไม่เหลือชิ้นดี