นักกิจกรรม “ถอดรองเท้า” สืบพยาน คดี “ชุมนุมหน้าสถานฑูตเยอรมัน”
เรียกร้องสิทธิให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำ
.
เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม อาจารย์ธงชัย วินิจจะกูล ได้มีข้อเสนอต่อศาลในการเรียกร้องให้ศาลยุติการใส่กุญแจข้อเท้า “อานนท์ นำภา” ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องขังในคดี ม.112 โดยในทุกครั้งที่อานนท์ถูกเบิกตัวจากเรือนจำไปพิจารณาคดีที่ศาลนั้น เขาจะใส่ชุดนักโทษ และถูกใส่กุญแจข้อเท้าทั้งตลอดที่อยู่ในศาลและห้องพิจารณาคดี
.
โดยประเทศไทยได้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ ได้แก่ พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 มาตรา 21 ระบุไว้ว่า “ห้ามใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องขัง” จะใส่ได้เฉพาะในบางกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และการให้ผู้ต้องขังใส่ชุดนักโทษและกุญแจข้อเท้านั้น เป็นการ “ลดทอนคุณค่าหรือละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ความเป็นมนุษย์” ในมาตรา 6 ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 6
.
รวมถึงนักโทษทางการเมืองจำนวนหนึ่ง ที่ถูกคุมขังในระหว่างการพิจารณาคดีที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษานั้น ก็มีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 29 ว่า “หลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบริสุทธิ์” ตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสินว่าผู้ต้องหามีความผิด ก็จะยังถือว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้
.
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีกฎหมายบัญญัติไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือการใส่ชุดนักโทษและการใส่กุญแจข้อเท้ายังเกิดขึ้นกับผู้ต้องขังที่ถูกเบิกตัวมาศาลแทบทุกคน “เป็นปกติ” นั่นแสดงให้เห็นว่าทั้งศาลและราชทัณฑ์ต่างก็ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ที่ระบุไว้เพื่อปกป้องสิทธิของผู้ต้องขัง สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นการละเมิดทั้งกฎหมาย และละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขังอย่างไม่เป็นธรรม
.
เป้าหมายของอาจารย์ธงชัยไม่ใช่เพียงแต่เรียกร้องการเคารพสิทธิของทนายอานนท์ นำภาแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายเพื่อให้การไม่ใส่เครื่องพันธนาการเป็นสิ่งปกติกับผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ทุกคน จะทำให้บทบัญญัติของกฎหมายจะได้รับการยึดถือปฏิบัติตามที่ควรจะเป็น และเป็นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังอย่างมีมนุษยธรรม เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาแม้ว่าจะมีสถานะเป็น “นักโทษ” หรือ “ผู้ต้องขัง” ก็ตาม
.
และในวันที่ 10 มิถุนายน นี้ มีการสืบพยานคดี “อ่านแถลงการณ์หน้าสถานทูตเยอรมัน” ในการชุมนุม #26ตุลาไปสถานทูตเยอรมัน เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 โดยหนึ่งในจำเลยคดีดังกล่าวคือ “แอม” ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา ซึ่งกำลังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 ได้ถูกเบิกตัวมาที่ศาลเพื่อทำการสืบพยาน
.
สิ่งที่เกิดขึ้นกับแอมคือ เขายังคงถูกใส่กุญแจไว้ที่ข้อเท้าตลอดกระบวนการที่อยู่ในศาล สิ่งนี้ได้แสดงให้เห็นว่าทั้งศาลและราชทันฑ์นั้นไม่ได้ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของอาจารย์ธงชัย ทั้งสององค์กรยังคงไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติในกฎหมาย และการละเมิดสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ต้องขังยังเมื่อมีการเบิกตัวผู้ต้องขังมาศาลนั้นคงดำเนินต่อไป
.
ทำให้ในวันนี้ นักกิจกรรมซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว จึงร่วมกันประท้วงในเชิงสัญลักษณ์ โดยการ “ถอดรองเท้า” และทำการสืบพยานไปตลอดกระบวนการ เพื่อยืนยันว่าผู้ต้องขังมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไม่ต่างกับกับพวกเขา การที่เขาอยู่ในกระบวนการพิจารณาเดียวกัน ทุกคนใน้องจึงควรมีการปฏิบัติตนที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าผู้ต้องขังกลับถูกใส่กุญแจที่ขาอยู่แต่เพียงคนเดียว
.
เราได้แต่คาดหวังว่าทั้งศาลและราชทัณฑ์จะนำข้อเสนอของอาจารย์ธงชัยไปบังคับใช้ เพื่อให้หน่วยงานทั้งสองที่มีอำหน้าที่กระทบกับชีวิตของผู้ต้องขังนั้น ได้มีมาตรการและดำเนินการที่ “เคารพสิทธิ” และ “เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ของผู้ต้องขังมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อ้างอิง
https://prachatai.com/journal/2025/05/113061
https://www.facebook.com/Prachatai/posts/ธงชัย-ยื่นศาลปลดกุญแจเท้า-อานนท์-ยุติการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ผู้ต้องขังร/1131334709040835/
https://www.the101.world/presumption-of-innocence/