คำปราศรัย ‘อานนท์ นำภา’ : นี่คือสัญลักษณ์ของการต่อสู้ในระลอกสุดท้าย

กิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง’ แยกปทุมวัน กทม. 26 มกราคม 2566

ไม่ได้เจอกันนาน ขออนุญาตแจ้งข่าวดีก่อน ขณะวันนี้ ขณะที่ผมนั่งรถมาเพื่อที่จะมาร่วมกิจกรรมในวันนี้ ผมได้รับสายโทรศัพท์จากบุคคลสำคัญท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแกนนำของพรรคเพื่อไทย ระดับสูงที่สุด โทรมาบอกว่า ไม่เกินพรุ่งนี้พรรคฝ่ายค้านทุกพรรคจะร่วมกันแถลงการณ์สนับสนุนการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ จะร่วมกันสนับสนุนการต่อสู้ของตะวัน และแบม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคก้าวไกลที่เคยเสนอแค่แก้ไข เสรีรวมไทยเคยเสนอแค่แก้ไข พรุ่งนี้ แถลงขั้นต่ำคือแก้ไข ขั้นสูงคือยกเลิก ขั้นต่ำสุดคือแก้ไข ขั้นสูงคือยกเลิก 112 ใครที่บอกว่าการอดอาหาร อดข้าวอดน้ำของแบม และตะวันจะสูญเปล่า ไม่จริง พรุ่งนี้สำเร็จไปแล้ว 1 ข้อ

พี่น้องครับ เมื่อปี 2563 การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ เริ่มขึ้นที่นี่ในเดือนมิถุนายน ปีนี้ ปี 2566 เราเริ่มต้นเร็วกว่าเดิม 6 เดือน เราเริ่มต้นปี 63 มีคนเพียงไม่กี่สิบคน เราเริ่มต้นวันนี้มีคนเป็นร้อยเป็นพันคน

การต่อสู้เมื่อปี 63 เริ่มต้นจากการ์ดอาสา การ์ดอาชีวะอาสา ปี 66 เรามีฮีโร่ มีการ์ดอาชีวะ มีการ์ดมืออาชีพแล้ว ไม่กลัว ปี 63 แกนนำนักศึกษาได้มาปราศรัยเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบัน ปีนี้ไม่ต้อง ทุกคนมีความรู้เท่ากันแล้ว ไม่ต้องพูดมาก มองตาก็รู้ใจ ใช่ไม่ใช่ ใช่ไม่ใช่

หลายคนบอกว่าการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ปี 63 ไม่ชนะเลย อันนี้ไม่จริง เราเริ่มจากทะลุเพดาน วันนี้เรามีทะลุแก๊ซ ทะลุวัง ทะลุฟ้า เราต่อสู้เพื่อคุณวันเฉลิม วันนี้เรามีพระราชบัญญัติซ้อมทรมาน ป้องกันคนอุ้มหาย เรามีแล้ว เราต่อสู้เรื่องสิทธิเสรีภาพ ความเท่าเทียมทางเพศ วันนี้เรามี พ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศมาแล้ว เหล่านี้มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นเลย ถ้าไม่มีการต่อสู้ของพวกเราเมื่อปี 63 หรือแม้แต่สภา สิบปี ยี่สิบปีมาแล้ว ไม่เคยมี ส.ส. คนใดกล้าอภิปรายถึงสถาบันกษัตริย์ ปีนี้มีการอภิปรายตัดงบสถาบันกลางสภาแล้ว

สังคมมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่เชื่อไปดูคอนเสิร์ตของ ‘Blackpink’ ไม่เชื่อลองเข้าไปดูในโรงหนัง ไม่เชื่อไปดูเด็กอนุบาล ขณะทรงมันยังเปลี่ยนไปเป็น ‘ทรงอย่างแบด’ แล้ว มีทรงเดียว !

ดังนั้นเมื่อบ้านเมืองมันเปลี่ยนไปแล้ว นี่คือชัยชนะที่เราค่อย ๆ ทยอยสะสมชัยชนะ แต่อย่างไรก็ตาม การต่อสู้เราก็ถูกโต้กลับเหมือนกัน ปี 63 เมื่อปลายปี ปี 64, 65 พวกเราหลายคนต้องติดคุก ต้องโดนกล่าวหา โดนแกล้งไปแจ้งความที่นราธิวาส โดนไม่ให้ประกัน อย่างผมนี่ติดคุกครึ่งหนึ่งของ 2 ปี รวมกันได้ปีหนึ่ง แต่ก็ไม่เป็นไร ออกมาได้ลูกชายก็คุ้มวะ

ต้นทุนของพวกเรามันมีเยอะ ขณะเดียวกันพวกเขาก็ทำลายเราเยอะขึ้น ใบปอ เก็ท ตะวัน แบม และอีกหลายคนนั่นก็เช่นกัน เขาเป็นตัวประกันทางการเมือง การต่อสู้หลายคนสูญเสียเพื่อเราโดนยิงตาบอด มีน้องโดนยิงเสียชีวิตที่หน้า สน.ดินแดง มีป้าเป้า ป้าเป้าไม่รู้มาจากไหนโดนคดีการเมือง แต่เรานี้มันหลอมรวมให้พวกเรากลายเป็นหนึ่งอันเดียวกันวันนี้ไม่ได้มีเฉพาะคนรุ่นใหม่ เรามีคนทุกรุ่น มีตั้งแต่พี่ ป้า น้า อา จนกระทั่งเด็กอนุบาลมันยัง ‘ทรงอย่างแบด’

สิ่งที่เราได้รับกลับมาตอนนี้ ที่กำลังต่อสู้กันอยู่อย่างดุเดือด คือ กระบวนการยุติธรรม และนี่คือที่มาของการเข้ามาสู่พื้นที่การต่อสู้ของแบม และตะวัน เราต้องยอมรับว่า ปีที่แล้วกับปีนี้ พวกเราเมินเฉย เฉยเมย และหลงลืม เพื่อเราบางคนอยู่ในคุก ผมก็สารภาพ ว่ามันเกิดจากการเหนื่อย การเฉยชา บางวันก็ไม่อยากคิดถึงด้วยซ้ำ เพราะมันเจ็บปวดใจ คนเหล่านั้นไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียง คนเหล่านั้นเป็นคนที่ออกมาสู้ด้วยสองมือเปล่า ‘สมบัติ’ พี่สมบัติแกโพสต์ facebook ‘เก่งมาก กล้ามาก ขอบใจ’ ติดคุก ไม่ได้ประกัน พวกเขาถูกลืมมาระยะหนึ่ง ถ้าเรายอมรับความจริง แต่ตะวันกับแบม เขาเสียสละอุทิศเสรีภาพ เพื่อจะปลุกพวกเราอีกครั้งให้ตื่นขึ้นมา และฝากไปบอกตะวันกับแบมว่า วันนี้ ที่นี่ พวกเราตื่นกันแล้ว และพร้อมจะสู้เคียงข้างกับทั้งสอง รวมทั้งคนที่อยู่ในเรือนจำทุกคน

การต่อสู้ครั้งนี้ มันใกล้ ใกล้ถึงจุดแตกหักเข้าไปทุกที มันเป็นการปะทะกันของความคิดเก่า และความคิดใหม่ เผด็จการกับประชาธิปไตย ความคิดเหล่านี้มันจะปะทะกันไปทุกอณู ทุกขุมขน ทุกชนชั้น และการปะทะนี้พวกเราได้เปรียบอย่างหนึ่ง คือ พวกเรายืนอยู่ตามธรรมชาติ หลักของธรรมชาติ อยู่ตามความจริง

พวกเขาเถียงเราไม่ได้ เถียงไม่ได้ ทุกคนกิน ขี้ ปี้ นอน เหมือนกัน ไม่เชื่อเดี๋ยวเอาคลิปมาให้ดู เหมือนกันหมด ไม่มีใครดีเด่นกว่ากัน เราปราศรัยเมื่อปี 63 ด้วยความจริงทุกประการ เอาเราไปขึ้นศาล จับเราไปขึ้นศาล ชนชั้นนำไทย สลิ่ม บอกว่า “แน่จริงมึงไปพิสูจน์ในศาล” พอจับเราไปขึ้นศาล เราขอให้เอาหลักฐาน เอาคลิป เอาหลักฐานการเดินทาง เอาหลักฐานต่าง ๆ มาในศาล ศาลบอก “ไม่ออกให้” กลัวความจริงหรืออย่างไร อัยการกล้าฟ้องว่าเราปราศรัยโกหก พอเราจะเอาหลักฐานมาสู้ในชั้นศาลบอก “ไม่ออกให้” กลัวความจริงหรืออย่างไร

คนรุ่นใหม่กำลังเกิดขึ้นทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน เขามีข้อมูล เขาใช้อินเทอร์เน็ตเป็น เมื่อวันที่ 23 (มกราคม 2566) ที่ผ่านมา สน.สำราญราษฎร์ออกหมายเรียก ม.112 ไปที่เด็กหญิงคนหนึ่งอายุแค่ 14 ปี คุณกลัวอะไรกับคนรุ่นใหม่ กลัวอะไร ใบปอ เก็ท ตะวัน แบม และอีกหลายคน เขาโดนหมายเรียกจะไต่สวนถอนประกันช่วงปีใหม่ เลื่อน 3 ครั้ง เขาไม่หนี เขาเดินเข้าสู่เรือนจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตะวันกับแบมเดินเข้าไปเองเลย เขาไม่หนี กลัวอะไร แล้วอย่าลืมนะครับ ตะวันกับแบมที่โดนจับเพราะอะไร เพราะเพียงแค่ทำโพล์แค่นั้น คุณจะมาปิดปากคนรุ่นใหม่ไม่ให้ตั้งคำถามไม่ได้ คุณกลัวอะไร คุณกลัวคำตอบที่ไม่พึงประสงค์ ใช่หรือไม่ ผมบอกไว้เลยว่ากลัวอะไรคุณก็จะได้เห็นอย่างนั้นแหละ กลัวอะไรก็ได้เห็นอย่างนั้น และอะไรที่เคยได้เห็นคุณจะไม่ได้เห็นอีกเลย

วันนี้กลัวนักกลัวหนาชนชั้นนำไทย ทั้งประยุทธ์ ประวิตร กลัวพรรคฝ่ายค้านชนะการเลือกตั้ง ไม่ต้องกลัว อย่างที่บอกกลัวอะไรได้เห็นอย่างนั้นแน่นอน คนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่เข้าไปทำงานการเมืองตอนนี้ ทั้งฝ่ายเพื่อไทยเอง ก้าวไกลเอง และพรรคอื่น ๆ พวกนี้เข้าไปเป็นปากเป็นเสียงในสภา ถ้าเข้าไปในสภาพูดแน่นอนปิดปากไม่ได้หรอก ช่วงนี้ก็ต้องพึ่งพาอาศัยพี่ ส.ส.เจี๊ยบไปก่อน แต่สมัยหน้า ถ้าคนรุ่นใหม่ได้รับการเลือกตั้งเต็มสภา เจอกันแน่นอน

พี่น้องครับ วันนี้ขณะที่ผมพูดอยู่นี้ แบมกับตะวันคือขั้นวิกฤตของร่างกาย มีคนบอกว่า “ทำไมไม่ไปบอกน้องให้เลิกอด ทำไมไม่ไปบอก ทำไมไม่ไปบอก” ใครมันจะไม่ไปบอก อย่างที่บอกแล้วว่าเขาบอก เขาเตือน เขาเป็นห่วง แต่ทั้งสองเด็ดเดี่ยวที่จะต่อสู้เพื่อให้เห็นชัยชนะ ตะวันได้ตายจากพวกเราไปตั้งแต่วันแรกแล้ว ครั้งนี้คือการอยู่เพื่อพิสูจน์ความจริง อย่าไปท้าทายว่าเด็กพวกนี้ อย่าไปท้าทาย อย่างไรก็ตามถ้าเขาได้เห็นชัยชนะจากข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ทีละข้อ ทีละข้อ ผมเชื่อว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ และหาวิธีมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่นอน พรุ่งนี้

ถ้าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยรวมกันแถลงสนับสนุนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ ผมเชื่อว่าพวกเขามีกำลังใจ และจะหาทางมีชีวิตต่อไปอีกแน่นอน ถ้าพวกเรามายืนหยุดขังก็ดี มาร่วมเรียกร้องชูป้าย มากันให้เยอะส่งเสียงไปถึงศาลยุติธรรม เรียกร้องไปยังศาลยุติธรรมให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรม ผมเชื่อว่าศาลมีความเป็นมนุษย์พอทีจะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้

ถ้าเราทำให้นักโทษการเมืองได้รับการประกันตัว เราก็ชนะไปอีกข้อหนึ่ง อันนี้ไม่ยาก และมันเห็นแสงรำไรแล้ว วันนี้ ‘บาส’ ที่อยู่จังหวัดเชียงราย ศาลจังหวัดเชียงรายพิพากษาจำคุก 28 ปี แต่ให้ประกัน เหล่านี้มันเป็นความหวัง ‘ยาใจ ทะลุฟ้า’ ถูกเรียกไปถอนประกัน ศาลสั่งยกคำร้องไม่ถอนประกันเหล่านี้มันคือแสงสว่างปลายอุโมงค์แล้ว ศาลบางศาลลงโทษจำคุกหนัก ๆ ไม่ให้ประกันในกรุงเทพฯ ศาลต่างจังหวัดอย่างขอนแก่น สมุทรปราการ ม.112 ศาลต่างจังหวัด ศาลรุ่นใหม่มีความกล้าหาญ ยกฟ้องแล้ว แม้แต่ในชั้นศาลเองก็เป็นการต่อสู้ของอุดมการณ์ที่ต่างกัน ขอนแก่น เผารูปเหมือนกันแต่ยกฟ้อง บอกว่าการทำให้เสียทรัพย์ แต่กรุงเทพฯบอกว่าผิด ม.112 นี่คือการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ในชั้นศาลเหมือนกัน อัยการจังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง สั่งไม่ฟ้องการชุมนุมขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรุงเทพฯสั่งฟ้อง อัยการเหมือนกันสั่งไม่เหมือนกัน นี่คือการต่อสู้เหมือนกัน

เหล่านี้คือผลผลิตของการต่อสู้เมื่อปี 63 ไม่ใช่ไม่คืบหน้า แต่มันเป็นการต่อสู้ของทุกระดับชั้นของทุกวงการเช่นกัน หน้าที่เราวันนี้จึงไม่ใช่มารวมตัวเพื่อโศกเศร้าเสียใจ หรือมาฉลองพบปะ ไม่ใช่ เรากำลังต่อสู้ไปกับแบม และตะวัน เรากำลังต่อสู้ในข้อเรียกร้องข้อที่ 2 คือ ปล่อยทักโทษการเมือง ใช่ไม่ใช่ เราคือส่วนหนึ่งของแบม และตะวัน ปรบมือให้ตัวเองหน่อยครับ

ผมเชื่อว่าถ้าเราประสบความสำเร็จ 2 ข้อแรก แบม และตะวันจะมีกำลังใจในการต่อสู้ และรักษาลมหายใจให้อยู่ต่อ ไม่ยอมตาย กูไม่ยอมตาย กูจะอยู่ดูมึงฉิบหาย

ส่วนข้อที่ 3 เรื่องการปฏิรูปศาล ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม มันเป็นการต่อสู้ระยะยาว เราต้องไปบอกน้องว่าเก็บรักษาลมหายใจไว้ ดูการปฏิรูปศาล ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้สำเร็จด้วย อย่าพึ่งตาย ถ้าศาลไม่ยอมปฏิรูปตัวเอง ถ้าเราชนะการเลือกตั้งให้ ส.ส. ไปแก้กฎหมายบอกให้ศาลปฏิรูปยังได้ คุณไปแก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนศาลจากที่เป็นอิสระให้ไม่เป็นอิสระ ถ้าเราชนะ เราไปแก้รัฐธรรมนูญ แก้ยังไงก็ได้

วันนี้เราสูญเสียคนที่สละชีวิตมามากพอ ปี 49 เราเสีย ‘ลุงนวมทอง’ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราสูญเสียทั้ง ‘คณากร’ ที่เป็นศาลฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องต่อศาลด้วยกันเอง วันนี้เราจะไม่ยอมสูญเสียตะวัน และแบมเป็นอันขาด ในฐานะประชาชนเราจะออกมาสู้ร่วมกัน เลิกงานมาเจอกัน เลิกศาลมาเจอกัน กลับบ้านไปเลี้ยงลูก เลิกศาลมาเจอกัน กลับบ้านไปเลี้ยงลูก เลิกศาลมาเจอกัน เจอกันอย่างนี้จนกว่าจะชนะ

ขอขอบคุณสื่อมวลชนด้วย ที่มาช่วยนำเสนอข่าว ผมรู้ว่าพวกท่านได้รับหนังสือจากรัฐห้ามเสนอข่าว 112 ห้ามเสนอข่าวคนรุ่นใหม่ ห้ามเสนอข่าวของพวกเรา แต่ขอโทษ ผมตื่นมาตอนเช้า ‘สรยุทธ’ ก็ออกข่าว 10 นาที นี่คือการต่อสู้ แม้แต่สื่อก็ยังต่อสู้เรื่องสำนึกต่อสังคม Nation ก็ออก Voice TV ไม่ต้องพูดถึง ทั้งออกทั้งมาทำข่าวเห็นอยู่เนี่ย มันเป็นการต่อสู้ในทุกระดับทุกอาชีพ พรุ่งนี้ที่ ส.ส. พรรคฝ่ายค้านจะแถลงการณ์ตอบรับข้อเสนอ นั่นก็คือการต่อสู้จนเราไปเปลี่ยนใจเขาให้ออกมาแถลงแล้ว

เราไม่ใช่กลุ่มแรกที่ต่อสู้ คนทั่วโลก ประชาชนทั่วโลกเขาก็ต่อสู้เหมือนเรา และตราบใดที่เรายังไม่สูญพันธุ์เราชนะแน่นอน เราชนะแน่นอน ต่อให้เราตายไป ผมตายไป ลูกผมก็มาสู้ต่อ ผมตั้งชื่อให้มันแล้ว ‘อิสรานนท์’ คือความเป็นอิสระ เราสู้ด้วยกัน ส่งไม้ต่อให้คนรุ่นหลังด้วยกัน บ้านเมืองมันมาถึงจุดที่แพ้ชนะกัน ผมคิดว่าไม่เกินปี สองปีนี้เห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน แม้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแบบทีละขั้น ทีละขั้น อุบัติเหตุก็อยู่ข้างเรา แม้แต่อุบัติเหตุก็อยู่ข้างเรา

ดังนั้น เหนื่อย ท้อ วันนี้คิดถึงคนในเรือนจำ เราไม่ได้ออกมาต่อสู้เพียงลำพัง เราต่อสู้ไปพร้อม ๆ กับแบม และตะวันในเรือนจำ คิดถึงหน้าใคร เคยเจอใครในม็อบวันนี้ได้มีโอกาสมาเห็น เจอน้องมายด์ เจอไอ้ไมค์ เจอหลายคน เจอ อ.ศิโรตม์ เจอหลาย ๆ คน เจอพี่ ป้า น้า อา เจอคนที่ไปยืน

นี่คือสัญลักษณ์ของการต่อสู้ในระลอกใหม่ ระลอกที่สอง หรือจะเป็นระลอกสุดท้ายก็ได้ เก็บแรง เก็บแรงเอาไว้ พรุ่งนี้เราจะส่งคนเข้าไปบอกแบม และตะวันให้เก็บแรงเอาไว้ด้วย ว่าพวกมึงชนะไปแล้วขั้นนึง

พรุ่งนี้พรรคการเมืองแถลงแล้ว ส่วนการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง เป็นหน้าที่ของเราเป็นหน้าที่ของพี่ ป้า น้า อาทุกคนจะสู้เพื่อเขา 2 คน ใช่ไม่ใช่ ใช่ไม่ใช่ ชู 3 นิ้วเป็นสัญญาร่วมกันครับพี่น้อง เราจะสู้เคียงข้างกัน ให้มันจบนี่แหละ จบที่รุ่นเรานี่แหละ ขอบคุณมีโอกาสเจอกันอีกแน่นอน

ครั้งหน้าเครื่องเสียงใหญ่กว่านี้จะได้ไม่ต้องมาตะโกน เอาบึ้มบึ้ม บึ้มบึ้ม คฝ. แก๊สน้ำตา มึงอย่าเอามา กูรู้วิธีจัดการกับมึงแล้ว ไอ้รถเขียว ๆ กูรู้วิธีแล้ว กูรู้ว่าน้ำตาลทรายมันซื้อที่ไหน อย่ามา ขอบคุณนะครับ ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมกันในวันนี้ มาจุดประกายไฟฝันร่วมกัน ขอบคุณจริง ๆ ขอบคุณครับ