นับจากวันนี้ไปอีก 10 วัน สว. ที่ถูกแต่งตั้งโดย คสช. จะหมดวาระลงตามรัฐธรรมนูญ 2560 และจะเข้าสู่กระบวนการ “ลากตั้ง” สว. ชุดใหม่ ที่มีที่มาต่างจาก สว. ชุดเดิม แต่กระนั้นก็ยังมิอาจกล่าวได้ว่า สว. ชุดใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนั้น เป็น สว. ตามครรลองประชาธิปไตย เนื่องด้วยนวัตกรรมของคณะรัฐประหาร การได้มาซึ่ง สว. นั้นจึงมีความพิลึกพิลั่นแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลกนี้ กระบวนการได้มาที่ซับซ้อนชวนสับสน อีกทั้งคนเลือก สว. ยังต้องเป็นคนที่ลงสมัคร สว. ได้อีก แต่การจะสมัครไปเลือก สว. นั้นก็ยังมีอีกหลายด่านที่ต้องผ่านไปให้ได้ ทั้งต้องอายุ 40 ปีขึ้นไป มีค่าสมัคร 2,500 บาท และอีกต่าง ๆ นานา การจะเป็น สว. หรือการจะได้ สว. ชุดใหม่นี้จึงเหมือนขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา เพราะใช่ว่าจะได้มาอย่างง่าย ๆ แต่กระบวนการที่ว่ายากนี้ กลับทำให้ประชาชนอกสั่นขวัญแขวน เพราะเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโฉมหน้า สว. ชุดใหม่จากดินแดนพิศวงนี้ “จะสะท้อนเสียงประชาชนได้อย่างไร” เมื่อต้นทางมันไม่ได้มาจากประชาชนอยู่แล้ว

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่ภาคประชาชนทำได้ จึงเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์สมัคร สว. ไปช่วยกันสมัครให้มากที่สุด แม้ไม่อยากเป็น สว. ก็สามารถไปสมัครเพื่อโหวต อย่างน้อย ๆ เมื่อประชาชนไปสมัครจำนวนมาก ก้อาจจะรบกวนระบบที่ คสช. วางไว้ การล็อคคน ล็อคโควต้า จัดตั้ง สว. เพื่อสืบทอดอำนาจก็จะเป็นไปได้ยากขึ้น และเพื่อให้ได้ สว. ไปทำหน้าที่ตามข้อเรียกร้องของประชาชน แล้วหน้าที่ตามข้อเรียกร้องของประชาชนคืออะไร ?

อย่างที่บอกไปข้างต้น เนื่องจากความอัปลักษณ์ของเนื้อหาในรัฐธรรมนูญ 2560 เราจึงจำต้องมี สว. ที่ผ่านกระบวนการอัปลักษณ์มาด้วย ฉะนั้นแล้วเมื่อภาคประชาชนเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย สสร. จากการเลือกตั้ง 100% จำต้องใช้เสียง สว. อย่างน้อย ๆ 1 ใน 3 หรือคิดเป้นจำนวน 67 คน จาก 200 คนของ สว. ชุดใหม่

ฉะนั้นแล้วพูดง่าย ๆ ว่าหน้าที่ที่ประชาชนมอบหมายให้ สว. ชุดใหม่เข้าไปทำนั้นมีเพียงประการเดียว คือ ระเบิดวุฒิสภาที่อัปลักษณ์นี้ลงไปพร้อม ๆ กับรัฐธรรมนูญ 2560 แล้วเปิดทางไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดย สสร. ที่ประชาชนเลือกเข้ามาเท่านั้น

เห็นไหมว่าหน้าที่ของ สว. ใหม่ไม่ยากเลย